LUTEINES อาหารเสริมบำรุงสายตา ป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม
฿1,450.00
LUTEINES (ลูทีเนส) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเอ็นฟินิต เสริมประสิทธิภาพการมองเห็นและการกรองแสงสีน้ำเงิน ป้องกันไม่ให้เซลล์จอประสาทตาถูกทำลายอีกทั้งเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะจอประสาทตาเสื่อม(AMD) และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจก (Cataracts)
Luteines เหมาะกับ
- ++ ผู้ที่มีปัญหาจอประสาทตา
- ++ ผู้ที่มีอาการอ่อนล้าของดวงตา จากกิจกรรมต่างๆ เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ (Smart phone) แท็ปเลต การอ่านหนังสือเป็นเวลานาน
- ++ ผู้ที่ทำงานผลัดกลางคืนมาเป็นระยะเวลานาน
- ++ ผู้ที่ขับรถเป็นระยะเวลานานๆ
คุณสมบัติของ Luteines
- ++ ช่วยบำรุงจอประสาทตา
- ++ ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ช่วยถนอมดวงตา ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น
- ++ ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดบริเวณดวงตา
- ++ ช่วยลดอาการตาแห้ง
- ++ ช่วยลดอาการอ่อนล้าของดวงตาจากการใช้สายตาอย่างหนัก หรือเป็นระยะเวลานาน
วิธีการทาน / วิธีการใช้
- รับประทานวันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหารเช้า
1 กล่อง มี 30 แคปซูล
ของแท้ ไม่ตัดบาร์โค๊ด
ใช้ของปลอม ทำลายสุขภาพ อันตรายถึงชีวิต
สารบัญเนื้อหา
ToggleLUTEINES (ลูทีเนส) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากเอ็นฟินิต (nfinite™) เสริมประสิทธิภาพการมองเห็นและการกรองแสงสีน้ำเงิน ป้องกันไม่ให้เซลล์จอประสาทตาถูกทำลายอีกทั้งเหมาะสำหรับผู้ที่มีภาวะจอประสาทตาเสื่อม(AMD) และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจก (Cataracts)
สถานการณ์จำนวนผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมในประเทศไทย จากงานวิจัยสถิติโรคตาบอดปัจจุบัน ประเทศไทยมีอัตราผู้ป่วยที่ตาบอดจากโรคจอประสาทตาเสื่อมอยู่ในลำดับที่ 4 ของจำนวนผู้ป่วยตาบอดทั้งหมด โดย
อันดับ 1 โรคต้อกระจก
อันดับ 2 โรคเบาหวานขึ้นจอประสาทตา
อันดับ 3 โรคต้อหิน
แต่ภายใน 10-20 ปี ข้างหน้าหากเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุแล้ว คาดว่า มีความเป็นไปได้ที่จำนวนผู้ป่วยโรคจอประสาทตาเสื่อมจะเพิ่มขึ้น และขยับขึ้นมาอยู่ในอันดับ 2-3 ในที่สุด อีกทั้งจากการสำรวจโดยองค์การอนามัยโลกปี พ.ศ. 2552 โรคจอประสาทตาเสื่อมเป็น สาเหตุอันดับ 4 ของภาวะตาบอดในประชากรทั่วโลก โดยพบรองจากโรคต้อกระจก สายตาผิดปกติที่ไม่ได้รับการแก้ไข และต้อหินตามลำดับ
โรคจอประสาทตาเสื่อม : Age-Related Macular Degeneration (AMD)
โรคจอประสาทตาเสื่อมจะเกิดขึ้นที่บริเวณ Macula เป็นส่วนเล็กๆ ของ Retina ที่เริ่มมีการเสื่อมสภาพ ซึ่งมี 2 แบบ ดังนี้
- แบบแห้ง (Dry AMD) : เป็นแบบที่เจอได้บ่อยที่สุด เกิดจากการเสื่อมและ บางตัวลงของบริเวณศูนย์กลางรับภาพของจอตา ทำให้การมองเห็นค่อยๆ ลดลง โดยที่อาการของโรคจะเป็นไปอย่างช้าๆ
- แบบเปียก (Wet AMD) : อาการที่พัฒนามาจาก Dry AMD เกิดจากการที่มี หลอดเลือดที่เกิดขึ้นใหม่มีความผิดปกติที่บริเวณหลังจอประสาทตา ซึ่งอาจมี ความเปราะบางและเกิดการรัว่ของเลือดและของเหลวได้ ทำให้ Macula บวมและ เกิดการทำลายอย่างรวดเร็ว อาจเกิดเป็นแผลที่จอประสาทตาได้ ในระยะเริ่มต้น ของอาการอาจท˚าให้มองเห็นเส้นตรงปรากฏในลักษณะคล้ายคลื่น อาจมี “จุด บอด” ซึ่งเป็นผลมาจากการที่มีการสูญเสียการมองเห็นภาพในบริเวณตรงกลาง ของภาพ
โรคที่พบเมื่อสายตามีค่าลูทีนในระดับต่ำ หรือ โรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD)
สาเหตุที่ทำให้มีอาการของจอประสาทตาเสื่อม
- อายุ : พบโรคนี้ได้บ่อยขึ้นในคนที่มีอายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป
- พันธุกรรม : มีความสัมพันธ์ทางพันธุกรรมของคนที่เป็นโรคกับญาติสายตรง วิทยาลัยจักษุแพทย์แห่งอเมริกา จึงแนะนำให้ ผู้เกี่ยวข้องดังกล่าว ควรได้รับการตรวจเช็คจอประสาทตาทุก 2 ปี
- เชื้อชาติ / เพศ : พบอุบัติการของโรคสูงสุดในคนผิวขาว (Caucasian) เพศหญิง อายุมากกว่า 60 ปี
- บุหรี่: มีหลักฐานทางการศึกษาพบว่า การสูบบุหรี่ เป็นการเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคอย่างชัดเจน
- ความดันเลือดสูง : คนไข้ที่ต้องทานยาลดความดันเลือด และมีระดับของไขมัน Cholesterol ในเลือดสูงและระดับ Carotenoid ในเลือดต่ำมีความเสี่ยงสูงมากต่อการเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อม แบบสูญเสียการมองเห็นอย่างรวดเร็ว (Wet AMD)
- วัยหมดประจำเดือน : ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนที่ไม่ได้รับประทานยาฮอร์โมน Estrogen ถูกพบว่าอยู่ในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน
- พฤติกรรมของใช้สายตา : เช่น การใช้มือถือ แท็ปเลต และโน้ตบุ๊ค
Blue Light Hazard (แสงสีฟ้า)
สถาบันตาแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Eye Institute : NEI) ได้ระบุไว้ว่าแสงที่ เป็น Blue light ซึ่งมีช่วงความยาวคลื่นในช่วงประมาณ 400 – 500 nm จะมีผลกระทบต่อจอประสาทตา แสงสีฟ้ามีอยู่ในอุปกรณ์ต่างๆ ที่เราใช้งานในชีวิตประจำวัน ทั้งคอมพิวเตอร์ สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต โทรทัศน์ รวมถึงอาชีพที่ต้องใช้แสง เป็นต้น โดยแสงสีฟ้าสามารถทะลุทะลวงได้ถึงจอประสาทตา มีพลังทำลายกระจกตาหรือจอประสาทตา
ข้อแนะนำสำหรับการมีสุขภาพตาที่ดี
- เช็คสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอ
- เช็คประวัติสุขภาพตาภายในครอบครัว เพราะการทราบประวัติการเจ็บป่วยของคนในครอบครัวจะทำให้ทราบความเสี่ยงของการเกิดโรคได้ด้วย
- รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เพราะอาหารบางชนิดมีสารอาหารที่ช่วยป้องกันการเกิดโรคสายตาได้ เช่น แครอท บร็อคโคลี่
- ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม เพราะการมีน้ำหนักที่เกินมาตรฐานจะทำให้มีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคเบาหวาน และการสูญเสียการมองเห็นจากอาการของโรคได้
- สวมใส่แว่นตาป้องกันกิจกรรมบางอย่างที่มีความเสี่ยงต่อดวงตา
- ไม่สูบบุหรี่ เพราะการสูบบุหรี่จะเพิ่มความเสี่ยงที่จะเป็นโรคจอประสาทตาเสื่อมเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่า
- สวมใส่แว่นกันแดดที่เหมาะสมต่อการปกป้องแสงแดดต่อดวงตา
- พักสายตาบ้างเมื่อต้องจ้องจอคอมพิวเตอร์นานๆ เพราะอาจทำให้เกิดอาการปวดตาได้ เช่น ทุก 20 นาที ให้มองออกไปไกลๆ ประมาณ 20 วินาที
- หากสวมใส่คอนแทคเลนส์ ต้องทำความสะอาดมือและคอนแทคเลนส์อย่างถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงของการติดเชื้อ
- จัดให้มีสภาพแวดล้อมของการทำงานที่สบายตาและปลอดภัย หากจำเป็นให้มีแว่นสำหรับสวมใส่เพื่อป้องกันสายตาอยู่ในบริเวณใกล้กับจุดที่ปฏิบัติงาน
ข่าวดี
เพื่อนๆ สามารถสมัครสมาชิก VIP เพื่อซื้อ LUTEINES ของแท้ ในราคาพิเศษกับทาง Legacy ได้โดยตรง บอกเลยคุ้มมาก โดยคลิ๊กที่ปุ่มด้านล่างได้เลยครับ
สารที่เป็นองค์ประกอบหลักของผลิตภัณฑ์ Luteines
- Main active :
- Lutein ลูทีน
- Zeaxanthin (ซีแซนทีน)
- Fruit :
- Maqui Berry Extract
- Blackcurrant Extract
- Grape Seed Extract
- Mixed Berry Powder
- Blueberry Powder
- Bilberry Extract
- Cranberry Extract
- Raspberry Powder
- Mineral &Vitamins :
- Zinc Amino Acid Chelate
- Vitamin A
- Vitamin B2
- Vitamin B6
- Vitamin B12
- Oil :
- Linseed Oil (น้ำมันเมล็ดลินิน )
1. Main active : Lutein & Zeaxanthin
ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) เป็นสารแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ในกลุ่มแซนโทฟิลล์ (Xanthophylls) มีลักษณะเป็นสารสีเหลือง ซึ่งทั้ง 2 ชนิดมีโครงสร้างที่คล้ายคลึงกันมาก ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) จะพบสะสมอยู่ในจุดรับภาพของดวงตา ที่เรียกว่า “มาคูลา (Macula)” ซึ่งอยู่ในส่วนของเรตินา (Retina) โดยทั้งลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) นี้ จะทำหน้าที่เกี่ยวกับการมองเห็นและการกรองแสงสีน้ำเงิน (Blue light) ป้องกันไม่ให้เซลล์จอประสาทตาถูกทำลาย และยังช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคต้อกระจก (Cataracts) โรคจอประสาทตาเสื่อม (AMD) ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) จึงเปรียบเสมือนแว่นกันแดดที่กรองแสงให้กับดวงตาจากภายใน และยังช่วยคงความสมบูรณ์ของเรตินา ซึ่งแคโรทีนอยด์เหล่านี้ ไม่สามารถสร้าง ได้เองจากร่างกายมนุษย์ แต่สามารถรับได้จากอาหารที่รับประทานเข้าไป สถาบันตาแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Eye Institute : NEI) จึงแนะนำว่าการรับประทานลูทีนวันละ 10 mg และซีแซนทีนวันละ 2 mg เป็นปริมาณที่เพียงพอต่อที่ร่างกายต้องการและสามารถช่วยป้องกันการเกิดโรคจอประสาทตา และโรคที่เกี่ยวกับตา
ลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ในผลิตภัณฑ์ LUTEINES
- สกัดมาจากธรรมชาติ คือ ดอกดาวเรือง (Marigold flower)
-
- ผู้ผลิตได้รับกรรมสิทธิใ์นการผลิตมาอย่างยาวนานกว่า 20 ปี
- ดาวเรืองที่นำมาทำสารสกัดนั้น ปลูกโดยใช้มาตรฐาน Good Agricultural Practices (GAPs)
- มีการคัดเลือกดอกดาวเรืองที่มีคุณภาพเพื่อนำมาเป็นสารสกัด
- สำหรับ Zeaxanthin จะใช้เทคโนโลยีพิเศษในกระบวนการผลิต เพื่อคุณภาพอันสูงสุด ได้แก่ Actilease® Beadlet Technology
- มาจากผู้ผลิตที่ได้รับการยอมรับอย่างเป็นสากล
2.Fruit extract complex active
- Maqui Berry จะเติบโตเฉพาะในแถบทางใต้ของประเทศชิลีและประเทศอาร์เจนตินาซึ่งชาวอินเดียนแดงชนเผ่ามาปูเช่ (Mapuche) ซึ่งเป็นชนเผ่าโบราณที่อาศัยอยู่ที่ชิลีก่อนที่สเปนจะเข้ามายึดครองในแถบทวีปอเมริกาใต้รู้จักและได้ใช้ประโยชน์จาก Maqui Berry มาเป็นเวลานานหลายศตวรรษและ ยังได้ยกย่องให้ Maqui Berry เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแรงสุขภาพที่ดี และความสดชื่น มีชีวิตชีวานอกจากนี้ยังเชื่อว่า Maqui Berry มีประโยชน์ช่วยเยียวยารักษาโรค Maqui Berry เป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก ซึ่งหลายๆ แหล่งมีการวัดค่า ORAC (Oxygen Radical Absorbance Capacity) เป็นคะแนนที่ได้จากการทดลองหาค่าความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระของอาหารจากห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ แล้วพบว่ามีค่าสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับผลไม้ชนิดอื่นๆ จากที่ Maqui berry ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีประสิทธิภาพในการต่อต้านสารอนุมูลอิสระ ที่เป็นสาเหตุของการอักเสบ ความเสียหาย ต่อระบบหัวใจ หลอดเลือดและระบบประสาทต่างๆ ดังนั้นการที่ Maqui berry มีค่า ORAC สูง ซึ่งแสดงถึงประสิทธิภาพของศักยภาพในการต้านอนุมูลอิสระได้สูงขึ้นด้วยนอกจากประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังมีงานวิจัยเกี่ยวกับ Maqui Berry ที่แสดง ให้เห็นว่ามีความสามารถในการช่วยยับยั้งอันตรายจาก Visible light หรือ Blue Light ต่อจอประสาทตา
- Black currant ผลไม้ท้องถิ่นของยุโรป เป็นแหล่งอาหารที่มีวิตามินซีสูง โดยในแบล็คเคอร์แรนท์ 100 กรัม จะมีวิตามิน ซีสูงถึง 200 มิลลิกรัม หรือมากกว่าส้ม ถึง 4 เท่า โดยเป็นที่รู้จักกันดีว่าวิตามินซีช่วยต้านอนุมูลอิสระ สร้างเนื้อเยื่อซ่อมแซมเซลล์และมีสารฟลาโวนอยด์ ซึ่งช่วยปรับสภาพของเส้นเลือดและผิวพรรณ รวมทั้งมีโพแทสเซียมที่ช่วยรักษาน้ำในร่างกาย และลดความดันโลหิต ทั้งนี้ แบล็คเคอร์แรนท์ยังช่วยบำรุงสายตา ช่วยบรรเทาอาการเมื่อยล้า เนื่องจากใช้สายตานานๆ ได้ และยังช่วยให้สายตา ทำงานดีขึ้นในที่มืด (Nakaishi & Colleagues from the University of Tsukuba, Tokyo, Japan) และจากการที่ช่วยในเรื่องของการปรับสภาพของเส้นเลือดและผิวพรรณ ก็จะสามารถทำให้รอยคล้ำบริเวณรอบดวงตาดูจางลงอีกด้วย
- Grape seed extract หรือ สารสกัดจากเมล็ดองุ่น ซึ่งในสารสกัดจากเมล็ดองุ่นนี้ จะมีสารสำคัญ คือ Oligomeric Proanthocyanidin (OPC) จัดเป็นสารชนิดหนึ่งที่อยู่ในกลุ่ม Bioflavonoid เมื่อรับประทานเข้าไปในร่างกายแล้วจะเปลี่ยนเป็นสารสีแดงที่ชื่อ Anthocyanidin สาร OPC นี้ ได้รับการขนานนามว่าเป็น Super Antioxidant อีกตัวหนึ่งอีก ด้วย Grape seed extract ช่วยเรื่องสายตาได้ ดังนี้
-
- เพิ่มความสามารถในการมองเห็นของสายตา ทำให้ดวงตาสามารถฟื้นฟูได้เร็วขึ้น ทั้งนี้ เนื่องจาก Proanthocyanidin จะช่วยเร่งการสร้าง Rhodopsin ได้เร็วขึ้น ซึ่ง Rhodopsin นั้น จะอยู่ในเซลล์รูปแท่งที่อยู่ในจอประสาทตา
- ป้องกันการเสื่อมของดวงตา โดยช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลายโดยการลดอนุมูลอิสระ และ กรองแสงสีน้ำเงินที่จะมาทำลายดวงตา
- Mixed berry powder เป็นการรวมผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- Blueberry ช่วยลดอาการตาแห้ง แสบเคืองตา ป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตามาอย่างหนักช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด
- Bilberry ช่วยให้การไหลเวียนเลือดที่ไปหล่อเลี้ยงดวงตาเพิ่มขึ้น ช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืดลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา
- Cranberry อุดมไปด้วยลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา ช่วยปกป้อง เซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย และช่วยกรองแสงสีน้ำเงินที่ทำลายดวงตา
- Raspberry ช่วยป้องกันอาการอ่อนล้าจากการใช้สายตาอย่างหนัก และช่วยให้สายตาทำงานได้ดีขึ้นในที่มืด
โดยสรุป Mixed Berry Powder ที่ประกอบไปด้วยผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ 4 ชนิด ได้แก่ Blueberry,Bilberry, Cranberry และ Raspberry
-
- อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ
- ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ ชะลอความเสื่อมของดวงตา
- ช่วยบรรเทาอาการตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)
- ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของการใช้สายตาอย่างหนัก
- ช่วยลดอาการตาแห้ง แสบเคืองตา
3.Minerals & Vitamins
- สังกะสี (Zinc) มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ มีส่วนช่วยในการทำให้ชะลออาการของโรคจอประสาทตาเสื่อมที่เป็นอยู่แล้วให้ช้าลง มีความสำคัญมากต่อการทำงานของ Rhodopin ซึ่งเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานในส่วนของการมองเห็น หากร่างกายขาดธาตุสังกะสีที่จะมาจับกับโปรตีนดังกล่าวก็จะทำให้โปรตีนนี้สลายตัวและส่งผลให้เกิดอาการคล้ายกับโรคทางพันธุกรรมที่จะนำไปสู่อาการของตาบอดหรือมองไม่เห็นได้ร่างกายไม่สามารถสร้างหรือสังเคราะห์ธาตุสังกะสีได้เอง จำเป็นจะต้องได้รับจากการบริโภคอาหารเพื่อให้ได้รับธาตุดังกล่าวหน้าที่และประโยชน์ที่สำคัญของสังกะสี (Zinc) คือ การร่วมมือกันกับวิตามินเอ ซึ่งเป็นวิตามินบำรุงสายตาอีกชนิดหนึ่ง โดยการเข้าไปเสริมแรงของวิตามินเอ โดยช่วยไม่ให้เป็นโรคตาบอดตอนกลางคืน
- Vitamin A : เป็นวิตามินที่เป็นที่รู้จักกันดีอยู่แล้วว่าช่วยบำรุงสายตา คือ วิตามินเอเป็นส่วนสำคัญของกระจกตา (Cornea) ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยรักษาโรคตาได้หลายโรค โดยช่วยสร้างเม็ดสีที่มีคุณสมบัติไวต่อแสง ช่วยบรรเทาอาการตามัวตอนกลางคืน (Night Blindness)
- Vitamin B2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการมองเห็น ช่วยบรรเทาอาการอ่อนล้าของดวงตา
- Vitamin B6 มีความเชื่อมโยงกับการผลิตโปรตีนชนิดต่าง ๆ และสารสื่อนำประสาท เกี่ยวโยงกับสารสื่อนำประสาทในสมอง
- Vitamin B12 ช่วยบำรุงระบบประสาท
4.Oil : Linseed Oil
น้ำมันเมล็ดลินิน (Linseed oil) หรือน้ำมันเมล็ดแฟลกซ์ (Flaxseed oil) คือ น้ำมันที่สกัดมาจากเมล็ดของต้นลินินหรือต้นปอป่าน ซึ่งต้นลินินหรือต้นปอป่านนี้ มนุษย์ได้มีการปลูกมากว่า 5,000 ปี เพื่อใช้ ประโยชน์ เช่น นำเส้นใยมาทักทอเป็นเสื้อผ้าและกระดาษ นำเมล็ดมาใช้เลี้ยงสัตว์ และนำน้ำมันมาประกอบอาหาร
ประโยชน์ของน้ำมันเมล็ดลินิน
- อุดมไปด้วยโอเมก้า 3, 6, 9 และวิตามินอี
- เหมาะสำหรับผู้ที่รับประทานอาหารมังสวิรัสเป็นประจำ เพราะคนที่รับประทานมังสวิรัสเป็นประจำ จะขาดโอเมก้า 3
- เนื่องจากมีโอเมก้า 3 อยู่ค่อนข้างสูงจึงช่วยเสริมฤทธิข์อง Lutein และ Zeaxanthin ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น (วารสาร Science Translational Medicine)
- มีผลวิจัยว่าช่วยให้บรรเทาอาการตาแห้งได้
งานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่า Linseed oil หรือ Flaxseed oil สามารถช่วยลดอาการตาแห้งได้ ช่วยเพิ่มคุณภาพและปริมาณของชั้นน้ำตาส่วนไขมัน และช่วยหล่อลื่นดวงตา
Luteines เหมาะกับ
- ผู้ที่มีปัญหาจอประสาทตา
- ผู้ที่มีอาการอ่อนล้าของดวงตา จากกิจกรรมต่างๆ เช่น การใช้งานคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ (Smart phone) แท็ปเลต การอ่านหนังสือเป็นเวลานาน
- ผู้ที่ทำงานผลัดกลางคืนมาเป็นระยะเวลานาน
- ผู้ที่ขับรถเป็นระยะเวลานานๆ
เพราะ Luteines…
- ช่วยบำรุงจอประสาทตา
- ช่วยบำรุงสุขภาพดวงตา ช่วยถนอมดวงตา ทำให้การมองเห็นในที่มืดดีขึ้น
- ป้องกันการอุดตันของหลอดเลือดบริเวณดวงตา
- ช่วยลดอาการตาแห้ง
- ช่วยลดอาการอ่อนล้าของดวงตาจากการใช้สายตาอย่างหนัก หรือเป็นระยะเวลานาน
คำเตือน
- อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค
- เด็กและสตรีมีครรภ์ ไม่ควรรับประทาน
- ควรกินอาหารหลากหลาย ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
รีวิว
ยังไม่มีบทวิจารณ์